top of page

จากความจริงทางวิทยาศาสตร์สู่ความงามทางศิลปะ

26168998_2219964944896789_86196880503861

Nuttakun Tongchua

ณัฐกุล ทองเชื้อ

ช่างสักเฟี้ยวฟ้าว

q1.jpg

Lalinthorn Phencharoen, C.25 : Female traps, 2013,

Ink on paper, Size : 76 x 56 cm.

การศึกษาผลงานที่ได้รับการยกย่องว่ามีคุณค่าและความพิเศษด้านต่างๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ  เนื่องจากผลงานเหล่านี้มักสร้างแรงบันดาลใจต่อการสร้างสรรค์ และให้อิทธิพลทั้งความคิดและรูปแบบต่อผู้สร้างสรรค์ โดยการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์จากต้นแบบ แล้วปรับเข้ากับการสร้างสรรค์เฉพาะตน แตกขยายความคิด และก่อให้เกิดลักษณะใหม่ต่อไป เราเรียกศิลปะประเภทนี้ว่า ศิลปะแห่งการหยิบยืม (appropriation art)

นอกเหนือจากการหยิบยืมภาพลักษณ์ผลงานจิตรกรรมชื่อดังในอดีต เช่น การนำภาพโมนา ลิซา (Mona Lisa) ของลีโอนาโด ดา วินชี (Leonardo da vinci) มาใส่หนวด หรือมาปรับเปลี่ยนให้อยู่ในท่าทางอื่น แต่เจตนาให้ผู้ชมรู้ว่านั่นคือภาพโมนา ลิซ่าแล้ว  การหยิบยืมยังสามารถทำได้ในหลายรูปแบบ เช่น ผลงานของ ลลินธร เพ็ญเจริญ  ศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะเชิงแนวคิด ซึ่งได้หยิบยืมภาพลักษณ์ภาพประกอบทางวิทยาศาสตร์สมัยยุคเรอเนซองค์มาสร้างสรรค์ใหม่ โดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์กับศิลปะ  ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าสมองสองส่วนในร่างกายทำงานแตกต่างกัน สมองซีกซ้ายเป็นเรื่องของการคิดคำนวณ ภาษา การอ่าน หรือที่เราเรียกสิ่งเหล่านั้นว่าความเป็นเหตุเป็นผล ส่วนซีกขวาเป็นเรื่องของการใช้จินตนาการและความจำ  ศิลปินนำกระบวนการสองสิ่งนี้มารวมกัน และนำเสนอออกมาเป็นผลงานศิลปะ โดยใช้รูปทรงพืชผสมผสานกับรูปทรงอวัยวะเพศของมนุษย์  และมุ่งเน้นเนื้อหาไปที่การวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมเชิงลบของมนุษย์ในสังคม

โดยศิลปินมีแนวคิดว่ารูปลักษณ์ภายนอกของบุคคลกลายเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งของการดำรงชีวิตที่อยู่ภายใต้กิเลส เช่น การแสวงหาสิ่งที่เกินตัวตามกระแสสังคม เช่นเดียวกับพืชกินสัตว์ (Carnivorous Plants) ที่มีรูปลักษณ์สวยงามเพื่อดักแมลง เป็นกลไกที่ธรรมชาติสร้างขึ้น เพื่อหลอกล่อให้เหยื่อเข้ามาติดกับ และกลายเป็นอาหาร การเปรียบเทียบพฤติกรรมข้างต้นนั้นถูกนำมาบันทึกไว้ ด้วยการวาดเส้นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของศิลปิน โดยผสมผสานรูปทรงพืชกินสัตว์กับอวัยวะเพศให้กลายเป็นพืชสายพันธุ์ใหม่ในจินตนาการของศิลปิน จะเห็นได้ว่าศิลปินศึกษาลักษณะของพืช อีกทั้งยังลงลึกในรายละเอียดของพืชชนิดนั้น  ไม่ว่าจะเป็นระบบการทำงานของพืช หรือลักษณะทางกายภาพ แล้วจึงผสานความคิดจินตนาการเข้าด้วยกันอย่างมีเหตุผล

จากกระบวนการทำงานของศิลปินที่มีการหยิบยืมภาพลักษณ์จากภาพวาดทางวิทยาศาสตร์ในยุคเรอเนซองค์มาใช้นั้น  เนื่องมาจากว่ายุคเรอเนซองค์นั้นเป็นยุคแห่งการเกิดใหม่ของการศึกษา ฟื้นฟูศิลปวิทยาของกรีก และโรมัน เป็นยุคเริ่มต้นของการแสวงหาสิทธิเสรีภาพ และความคิดอันไร้ขอบเขตของมนุษย์ ที่เคยถูกจำกัดโดยกฎเกณฑ์ และข้อบังคับของคริสต์ศาสนา และเป็นยุคของการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตมนุษย์ในช่วงเวลานั้น  เป็นความสมัยใหม่ของยุคโบราณ ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะกับวิทยาศาสตร์นับตั้งแต่นั้น  ลลินธรมีความสนใจในความสัมพันธ์ของสองสิ่งนี้ เเละต้องการที่จะสร้างผลงานศิลปะ  ซึ่งมีความเด่นชัดในการนำเสนอข้อมูลความจริง แต่ก็ไม่ละทิ้งความสำคัญของจินตนาการ และความงามทางสายตา

ผลงานของศิลปินจึงเป็นศิลปะร่วมสมัยที่ให้แง่คิด และความเพลิดเพลินไปพร้อมกัน จากรูปทรงและเนื้อหาที่ศิลปินอ้างอิง  ซึ่งล้วนเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการบรรจบกันระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปะ เชื่อมโยงระหว่างความเป็นเหตุผล และจินตนาการเข้าด้วยกัน  เมื่อสายตาปะทะกับผลงานครั้งแรก อาจเห็นเป็นเพียงภาพประกอบทางพฤกษศาสตร์ทั่วไป แต่เมื่อมองลึกลงไปในรายละเอียดของผลงานแล้ว  ก็จะเห็นถึงการจัดการรูปทรง องค์ประกอบ ด้วยการดัดแปลงรูปทรงพืชพรรณเหล่านั้น ให้กลายเป็นรูปทรงอวัยวะเพศชายหรือเพศหญิง และเมื่อผู้ชมอ่านชื่อผลงาน จินตนาการก็จะถูกเสริมเข้าไปให้รับรู้ถึงเนื้อหาที่แทรกอยู่ในผลงานนั้น

รูปแบบของผลงานมักเป็นการวาดเส้นที่อ้างอิงมาจากหลายแหล่งด้วยกัน เช่น ผลงานของโรเบิร์ต จอห์น ทรอนตัน (Robert John Thornton) เอิร์นสต์ แฮคเคล (Ernst Haeckel) อีกทั้งศิลปินยังหยิบยืมวิธีการเขียนคำอธิบายภาพประกอบมาใช้  เพื่อเสริมสร้างการหยิบยืมภาพลักษณ์ภาพประกอบทางวิทยาศาสตร์ในพิพิธภัณฑ์  ทำให้ผลงานดูมีความจริงจัง และมีความน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังเห็นถึงกระบวนการทำงานของศิลปิน ในการศึกษารูปทรง และองค์ประกอบจากต้นแบบ และยังศึกษาการจัดแสดงภาพวิทยาศาสตร์ในพิพิธภัณฑ์อีกด้วย

q2.jpg

เปรียบเทียบผลงาน “C.26” กับภาพต้นฉบับหม้อข้าวหม้อแกงลิง ของเอิร์นสต์  แฮคเคล ปี ค.ศ.1904

q3.jpg

เปรียบเทียบผลงาน “C.25” กับภาพต้นฉบับหม้อข้าวหม้อแกงลิงของจี.เบค ปี ค.ศ. 1895

q4.jpg

เปรียบเทียบผลงาน “C.27” กับภาพต้นฉบับกาบหอยแครงของจอห์น ลินด์เลย์ ปี ค.ศ. 1848

ศิลปินลดความรุนแรงของเนื้อหาในภาพ ด้วยลักษณะของภาพวาดทางวิทยาศาสตร์ที่เคลือบแฝงด้วยความสวยงาม ซุกซ่อนจินตนาการที่นำไปสู่ความอีโรติก(Erotic) และความแสบสันของการเปรียบเปรย เป็นการวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมเชิงลบของมนุษย์ในสังคม ด้วยมุมมองที่เป็นศิลปะ ช่วยกระตุ้นความคิดให้ผู้ชมตระหนักถึงสิ่งที่ศิลปินต้องการนำเสนอ  ถึงแม้ปัจจุบันนี้รูปแบบของผลงานศิลปะจะก้าวไปไกล จนเหลือแค่การแสดงแก่นความคิด แต่การไม่ละทิ้งสุนทรียภาพความงามทางสายตาก็ยังคงมีคุณค่า สามารถช่วยให้ผู้ชมทั่วไปเข้าถึงผลงานศิลปะได้ง่ายขึ้น เพราะมีความงามเป็นเครื่องดึงดูดความสนใจ และกระตุ้นให้เกิดการขบคิดถึงเรื่องราว ความหมาย และคุณค่าของผลงาน ซึ่งสามารถศึกษาและตีความได้ด้วยตนเอง

© 2018 by ART THEORY SILPAKORN UNIVERSITY

Tel: 034-271379 | Fax: 

bottom of page